ศัลยกรรมบริเวณตาและรอบดวงตา
การทำตาสองชั้น (Double lid surgery)
ศัลยกรรมตาให้มีสองชั้น เพิ่มความมั่นใจ แก้ไขคนที่ไม่มีชั้นตาเลย ชั้นตาหลบใน หรือชั้นตาซ้อนกันเป็นหลายชั้น ถ้าจะทำตาสองชั้น ต้องผ่าตัดเท่านั้น ซึ่งแบ่งเป็นวิธีหลัก 2 วิธี คือแบบมีแผลผ่าตัด กับ แบบ เย็บชั้นตา (ไม่มีแผล – Sutured technique)
แบบมีแผลผ่าตัด (Incisional technique)
– เหมาะสำหรับคนที่อยากศัลยกรรมตาตก ต้องการเก็บหนังตาบนออก หรือมีชั้นไขมันมากบริเวณตาบน
– มีด้วยกับ 2 วิธีคือแบบกรีดสั้น และกรีดยาว
- ทำตาสองชั้นแบบกรีดสั้น : เหมาะกับคนที่มีไขมัน และหนังตาไม่มากนัก แผลเล็ก หายง่าย
- ทำตาสองชั้นแบบกรีดยาว : เหมาะกับคนที่มีไขมัน และหนังตาเยอะ เอาไขมันออกได้เยอะ ลดการเกิดหนังตาตกในอนาคตได้ดี
– ถ้าผ่าตัดทำตาสองชั้น ชั้นตาจะถาวร หลุดยากกว่า
– สามารถแก้ไขความผิดปกติอื่นร่วมด้วยได้ เช่นเย็บกล้ามเนื้อตา
– จะบวมหลังผ่า 3-5 วัน ต้องตัดไหม 5-7 วันหลังผ่า ชั้นตาจะค่อย ๆ ยุบและเข้าที่ภายใน 1-3 เดือน
แบบไม่มีแผล หรือ แบบเย็บชั้นตา (sutured technique)
– ใช้ไหมผ่าตัดเล็ก ๆ เย็บเปลือกตา และกล้ามเนื้อตาเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นชั้นตา
– การทำตาสองชั้นแบบไม่มีแผล อาจมีโอกาสหลุดได้ เนื่องจากชั้นตาเกิดจากการยึดของไหม ถ้าไหมคลายออก ชั้นตาก็อาจหลุดได้
– ไม่เหมาะกับคนที่มีหนังตาตก
– ไม่ต้องตัดไหม บวมน้อยมาก สามารถกลับไปทำงานได้ภายในไม่กี่วัน
รีวิวลูกค้าทำตาสองชั้น
การแก้ไขตาสองชั้นที่ทำมาแล้ว
ถ้าเคยทำตาสองชั้นมาแล้ว แต่กลับชั้นหลุด ชั้นไม่เท่ากัน หรือมีชั้นตาซ้อนกัน จำเป็นต้องผ่าตัดแก้ไข โดยจะมีขั้นตอนดังนี้
- ก่อนแก้ไข ควรรอให้แผลหายดีก่อน อย่างน้อย 6 เดือนหลังจากทำศัลยกรรมตาครั้งก่อน
- ไม่ควรแก้ไขตาในขณะที่ฉีดสารโบท็อก มาไม่เกิน 6 เดือน
- ควรงดอาหารเสริม ยาวิตามิน ก่อนผ่าตัด 14 วัน
- การแก้ไข จำเป็นต้องผ่าแบบเปิดเพื่อแก้ไข และต้องเอาพังผืดจากแผลผ่าตัดเดิมออก เพื่อจัดเรียงชั้นไขมันรอบตาที่อยู่ผิดที่ แก้ไขกล้ามเนื้อตา(ถ้ามี) สร้างชั้นตาใหม่ ก่อนจะตกแต่งแผลผ่าตัดภายนอก
- ผลการแก้ไขจะดีเพียงใดขึ้นกับ ความรุนแรงของปัญหาจากการผ่าตัดครั้งแรก และเนื้อเยื่อที่ยังดีพอที่ สามารถแก้ไขได้
ผ่าตัดเปิดหัวตา (Epicanthoplasty)
การเปิดหัวตา เหมาะสำหรับคนที่หัวตาเป็นเนื้อหนา ไม่คม โดยการผ่าตัดเปิดหัวตา จะมีแผลผ่าตัดบริเวณหัวตาเป็นรอยให้เห็นเล็กน้อยในช่วงเดือนแรก ๆ แล้วค่อยจางลง ผลที่ได้จากการเปิดตัวตาคือ ดวงตาจะดูยาว กว้าง และกลมโตขึ้น วิธีการที่นิยมมากที่สุด คือ Park epicanthoplasty
ผ่าตัดศัลยกรรมแก้หนังตาตก (Dermatochalasis)
เมื่ออายุมากขึ้น หนังตาและคิ้วจะเริ่มตก ทำให้ตาดูไม่แจ่มใส หรือรู้สึกว่าเห็นภาพไม่ชัด การศัลยกรรมตาตก มักเริ่มด้วยการแก้ไขหนังตาบนที่ตกก่อน แล้วอาจต้องทำการผ่าตัดยกคิ้ว (Brow lift) เพื่อแก้ไขหางตาที่ตกร่วมด้วย
การผ่าตัดแก้ไขศัลยกรรมหนังตาตก ทำได้ 2 วิธี
- ศัลยกรรมแก้ตาตกด้วยการตัดหนังตาบน (Upper blepharoplasty)
- ทำโดยการตัดหนังตาบนส่วนเกินที่ตกพร้อมกับไขมันบนเปลือกตาออก ก่อนจะเย็บสร้างชั้นตาใหม่
- แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่ในชั้นตา หรือยาวออกมาบริเวณหางตาเล็กน้อย ในกรณีที่หนังตาตกมาก
- ศัลยกรรมแก้ตาตกด้วยการแก้ไขคิ้วที่ตก (Brow lift)
- ทำในคนที่หางตาตกมาก มักทำร่วมกับการตัดหนังตาบน
- การแก้ไขคิ้วตก ทำได้ 3 วิธี คือ
-การดึงคิ้วจากบริเวณ ‘ใต้’ หรือ ‘เหนือ’ คิ้ว
-การปักหมุดดึงคิ้ว โดยการส่องกล้อง
-การผ่าตัดดึงหน้าผาก
ศัลยกรรมตาเพื่อแก้ไขบริเวณกล้ามเนื้อตา (Ptosis Correction)
- เมื่อไหร่ถึงเรียกว่ามีปัญหากล้ามเนื้อตา ? ปกติแล้ว หนังตาบนจะปิดตาดำไม่เกิน 1-2 มิลลิเมตร ในกรณีที่ขอบตาบนลงมาปิดมากกว่านี้ ตาจะมีลักษณะเหมือนง่วงนอนตลอด อาจจำเป็นต้องผ่าตัดศัลยกรรมตาเพื่อยกให้ดวงตาเปิดกว้างมากขึ้น หรือที่เรียกกันว่า การเย็บกล้ามเนื้อตา (levator surgery)
- การผ่าตัดแก้ไขกล้ามเนื้อตา มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรง และสาเหตุของกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ซึ่งจะต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ ก่อนผ่าตัดอีกทีหนึ่ง
- สิ่งที่ควรทราบก่อนศัลยกรรมตาเพื่อแก้ไขกล้ามเนื้อตาคือ
- หลังผ่าตัด ในช่วงแรกอาจจะหลับตาไม่สนิท ต้องรอระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไปจึงจะเข้าที่
- อาจมีการบวมมากกว่าทำตาสองชั้นปกติ
- ผ่าตัดนานกว่า ทำตาสองชั้นปกติมาก
- เป็นการผ่าตัดที่มีภาวะแทรกซ้อนสูง มีโอกาสที่ต้องมาผ่าตัดแก้ไขสูงกว่า ทำตาสองชั้นปกติ เพราะชั้นตาที่ได้อาจไม่เท่ากัน
ศัลยกรรมบริเวณตาล่าง
แก้ไขถุงใต้ตา (Lower blepharoplasty)
ถุงไขมันบริเวณตาล่าง (Baggy eyelid) จะบวมสะสมมากขึ้น มีหลายสาเหตุ เช่นอดนอนบ่อย เป็นภูมิแพ้ที่ตาต้องขยี้ตาบ่อย ๆ ดื่มเหล้า อายุมากขึ้น ถ้าอยากจะผ่าตัดแก้ไขศัลยกรรมตาบริเวณถุงใต้ตา ในปัจจุบันนี้มีวิธีอยู่ 2 แบบ คือ
- แบบไร้แผล : เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมตาจากด้านในของเปลือกตา (Transconjunctival lower blepharoplasty) เหมาะสำหรับคนไข้ที่อายุน้อย หนังตาล่างจะไม่หย่อนมากนัก สามารถผ่าด้วยการใช้ Laser เจาะจากด้านในเปลือกตา ไม่มีแผลภายนอกให้เห็น แล้วเอาถุงไขมันออกได้
- แบบแผลบริเวณขอบเปลือกตาล่าง : มักทำในรายที่มีถุงไขมันใต้ตา และหนังตาส่วนเกินค่อนข้างมาก จำเป็นต้องตัดหนังตาที่หย่อนมากออก เพื่อช่วยให้ถุงไขมันหายไป และทำให้ผิวหนังบริเวณตาล่างตึงขึ้น อาจต้องทำร่วมกับการเย็บรั้งตาล่าง (lateral canthopexy) เพื่อไม่ให้ตาล่างปลิ้นออกมาในคนไข้ที่เปลือกตาล่างไม่แข็งแรง ก่อนจะเย็บแผลด้านนอกด้วยไหมไม่ละลาย ต้องตัดไหมหลังผ่าตัด 5-7 วัน
ตัดถุงใต้ตาล่างแบบไร้แผลด้วย Laser
การเก็บถุงใต้ตาแบบไร้แผล ด้วยการผ่าตัดศัลยกรรมตาจากด้านในของเปลือกตา (Transconjunctival lower blepharoplasty) เหมาะสำหรับคนไข้ที่อายุน้อย และหนังตาล่างไม่หย่อนคล้อย การผ่าตัดจะใช้ Laser เจาะจากด้านในเปลือกตาเพื่อเอาไขมันออก ไม่มีแผลภายนอกให้เห็น ผลการผ่าตัด จะบวมน้อย พักฟื้นสั้น หายไวภายใน 3-5 วัน
การดูแลหลังผ่าตัดศัลยกรรมตาและรอบดวงตา
- ประคบเย็นทันที พยายามทำให้บ่อยที่สุดในช่วง 3 วันแรกหลังผ่าตัด ไม่ต้องประคบร้อน
- อาการบวมจะมากใน 3 วันแรกแล้วจึงค่อย ๆ ยุบลง
- ห้ามแผลโดนน้ำในช่วง 5 วันแรก ให้ทำความสะอาดหน้าโดยใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดทำความสะอาดบริเวณอื่นได้ที่ไม่โดนแผลบริเวณตา
- ใช้ไม้พันสำลี ทาครีมยาปฏิชีวนะ (Chloramphenicol eye ointment) บริเวณรอยแผล เช้า และเย็น
- ควรนอนหัวสูง (หมอนสูง) เพื่อให้เลือดไหลเวียนสู่หัวใจได้สะดวก แผลจะได้ยุบบวมเร็วขึ้น
- รับประทานยาที่แพทย์สั่งจนหมด
- นัดตรวจ หลังผ่าตัด 5-7 วัน
- ไม่ควรขยี้ตาเป็นเวลา 1 เดือนหลังผ่าตัดศัลยกรรมตา
- งดออกกำลังกาย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดบุหรี่ 1 เดือนหลังผ่าตัด